Wednesday 3 February 2010

รวมภาพ


ตารางปฏิับัติธรรมประจำปี 2553 (Schedule of year 2010)

ตารางปฏิับัติธรรมประจำปี 2553 (Schedule of year 2010)

มกราคม [January]
วันที่(days) 29-31 : ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)


กุมภาพันธ์ [February]
วันที่(days) 19-21 : ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)

มีนาคม [March]
วันที่(days) 26-28 : ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)

เมษายน [April]
วันที่(days) 30 เม,ย(Apr)-2 พ.ค.(May): ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)


พฤษภาคม [May]
วันที่(days) 14-16: ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)


มิถุนายน [June]
วันที่(days) 25-27: ปฏิับัติธรรม ณ วัดศรีวนาราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (Meditation course at Wat Siwanaram Chonburi)

เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม (Visualization)

สมาธิเพื่อการผ่อนคลาย รักษาสุขภาพกายและจิตโดยองค์รวม

ประโยชน์จากการฝึกสมาธิ

ปฏิบัติธรรมแล้วจิตไม่นิ่ง ไม่สงบ ไม่ก้าวหน้า เครียด วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน หงุดหงิด รำคาญใจ หาสาเหตุของการเจ็บป่วยไม่ได้ สมาธิเพื่อการผ่อนคลายมีคำตอบให้กับทุก ๆ ปัญหาชีวิต

มาผ่อนคลายความคิด ความทรงจำ ความรู้สึกที่เก็บกด น้อยอกน้อยใจ คับแค้นใจ โกรธ เกลียด อาฆาตพยาบาท ทุกข์ เศร้าโศก เสียใจ ผ่อนคลายความรู้สึกเวรกรรมที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก

ผ่อนคลายอุปนิสัยกิเลสสันดานที่นอนเนื่องอยู่ในจิตไร้สำนึก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท เอ็นใหญ่ 900 เอ็นน้อย 9,000 กระดูก 300 ท่อน อันเป็นสาเหตุของความทุกข์ทรมานร่างกาย ผ่อนคลายตัณหา มานะ ทิฎฐิ ความยึดมั่นถือมั่น อันเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาท แตกแยก ปัจจุบันเป็นผลของอดีต อนาคตที่สดใส เป็นผลของการทำดีในปัจจุบัน ครอบครัวจะผาสุข ความรักจะราบรื่น ชีวิต หน้าที่การงานจะสดใสเมื่อท่านมารู้จัก มาทำสมาธิเพื่อการผ่อนคลาย…

ท่าที่ 1
เปิดเพลงสรรเสริญคุณงามความดีเช่น เพลงสวดมนต์ต่างๆ แล้วนั่งสมาธิเท้าขวาทับเท้าซ้าย หงายฝ่ามือทั้งสอง วางบนหัวเข่า ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้น กำหนดเอาสมอง(ความคิด)วางไว้บนฝ่ามือข้างขวา กำหนดเอาหัวใจ(ความรู้สึก)วางไว้บนฝ่ามือข้างซ้าย
แล้วยกมือขึ้นลง สลับข้างกัน ขวาขึ้น ซ้ายลง ซ้ายขึ้น ขวาลง เป็นจังหวะไปเรื่อยๆ เหมือนเราชั่งน้ำหนัก ระหว่างสมองกับหัวใจ ยกขึ้น ยกลงอย่างเบาๆ ช้าๆ พอดีๆ สบายๆ ผ่อนคลาย





ท่าที่ 2
ให้เราเอาฝ่ามือทั้งสอง มาหมุนข้างหน้า หมุนเป็นธรรมจักร  หมุนไปเรื่อยๆ  การหมุนฝ่ามือเป็นการสร้างพลังงานประจุไฟฟ้าบวกขึ้นมาใหม่ เราจะรู้สึกถึงความมีพลัง ความสดชื่นทันที ทำไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เป็นการสร้างพลังให้กับตัวเอง เหมือนการหมุนของไดนาโมที่ปล่อยสนามพลังไฟฟ้าออกมา



ท่าที่ 3
ให้เราเอามือซ้ายอยู่ล่าง มือขวาอยู่บน แล้วเอาพลังทั้งหมด มารวมกัน อยู่กึ่งกลางฝ่ามือให้เป็นลูกแก้ว ที่กลางฝ่ามือ ให้ประคองไปเรื่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นการอัดพลังเข้าสู่ร่างกาย พลังส่วนหนึ่งจะไหลเข้าไปตามเส้นประสาท เข้าไปรักษาหัวใจปอด ตับ ไต ม้าม ลำไส้ถุงน้ำดี อวัยวะภายในทั้งหมดก่อน พลังอีกส่วนหนึ่งจะไหลไปตามกระแสเลือด สร้างภูมิคุ้มกัน



ท่าที่ 4
คือท่าไร้รูปแบบ ไร้วิธีการ ทำกายและจิตของเรานี่ให้เคลื่อนไหวเหมือนใบไม้ที่ไหวไปตามลมวิธีการตั้ง สมาธิ



แบมือทั้ง 2 ขึ้น นึกมโนภาพ จินตนาการว่ามีลูกหินทรงกลม วางไว้บนฝ่ามือทั้งสองแล้วยกมือสาวเข้าหาตัว พร้อมๆ กับหมุนลูกหินบนฝ่ามือไปด้วย ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเห็นลูกหินหมุนชัดเจนกลางฝ่ามือ บางครั้งจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายหายไป  เหลือแต่ลูกหินที่หมุนบนฝ่ามือ จากขณิกะสมาธิสู่อุปจารสมาธิ ถ้าเห็นลูกหินหมุนอย่างเด่นชัด นั่นเป็นอัปปนาสมาธิที่จะเข้าฌานต่อไป ขณะการปฏิบัตินี้จะสามารถนึกภาพจินตนาการ เปลี่ยนจากลูกหินกลายเป็นลูกแก้วใส ดอกบัว ลูกไฟ ธรรมจักร พระพุทธรูป ลูกโลก ดวงจันทร์ พระอาทิตย์ ฯลฯวิธีการถ่ายทอดสมาธิ

ท่าที่ 1 จูนสมาธิ



ให้ผู้สอนหงายฝ่ามือทั้งสอง นิ้วโป้งกดกลางฝ่ามือ 4 นิ้วที่เหลือ แตะอยู่ใต้หลังมือ ของผู้ฝึกหัดใหม่แล้วสาวฝ่ามือเข้าออก หมุนเป็นวงกลมหรือวงรี คล้ายกับการสาวเชือก ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ จนสังเกตว่า ผู้ฝึกใหม่เริ่มผ่อนคลาย แล้วปล่อยให้เขาทำเอง

ท่าที่ 2 ถ่ายทอดผ่านฝ่ามือ



ให้ผู้สอนใช้ฝ่ามือแตะฝ่ามือของผู้ฝึกหัดใหม่ เสร็จแล้วหมุนเป็นวงกลม พร้อมๆ กันทั้งสองฝ่ามือ ให้ส่งความรู้สึกไปที่หัวใจกับปอด ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผู้ฝึกใหม่ผ่อนคลาย  แล้วปล่อยให้เขาทำเอง

ท่าที่ 3 สายสัมพันธ์



ให้นั่งหันหลังชนกัน แล้วต่างคนต่างก็ปฏิบัติสมาธิพร้อมกัน  กำหนดจิตส่งพลังเข้าแผ่นหลังของอีกฝ่ายหนึ่ง เหมาะกับสามี-ภรรยา, เพื่อน, ญาติสนิทที่เจ็บป่วย ต้องการกำลังใจ

ท่าที่ 4 การฝึกแบบอนุกรม



ใช้ผู้ฝึก 5-10 คน นั่งขัดสมาธิ ให้ฝ่ามือสัมผัสกัน แล้วโยกตัวในจังหวะที่สอดคล้องไปด้วยกัน โดยที่ฝ่ามือไม่หลุดออกจากกัน ท่านี้จะเหมาะกับนักเรียนเป็นอย่างมากสมาธิพิเศษ      
    
1.เส้นแสง



ให้กำมือ ชูนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองมือ ให้นึกมโนภาพเป็นเส้นแสงเหมือนเลเซอร์ สีเงิน-สีทอง หรือสีอื่นๆ ที่ปลายนิ้วโป้ง แล้วใช้เส้นแสงถูไปตาม จุดเจ็บปวดในร่างกาย ถูไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกร้อน สามารถกำหนดจิตโดยให้เส้นแสงเล็กลง เป็นเส้น-คม-บาง
ไปตัด-ถูหรือทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ จะได้ผลดีมากๆ เหมาะกับแผลพุพอง เน่าเปื่อย มะเร็ง  เนื้องอก น้ำเลือด น้ำเหลืองไม่ดี

2. ขับพิษออกจากร่างกายใส่ลูกแก้ว



ให้นึกมโนภาพว่ามีลูกแก้วใสๆ ที่กลางฝ่ามือ ให้นึกว่าเชื้อโรค สารพิษและความเจ็บป่วยเป็นสีดำ ไหลไปตามกระแสเลือดไหลไปที่ปลายฝ่ามือทั้งสอง ม้วนไหลเข้าไปในลูกแก้ว เหมือนม้วนเส้นด้ายพันเข้าสู่ลูกแก้วทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเราโล่ง
โปร่งใสสบายขึ้น และลูกแก้ว เป็นสีดำคล้ำ เสร็จแล้วให้กำหนดจิตดีดลูกแก้วสีดำนั้นออกไปนอกโลก ระวังอย่าดีดใส่ใครจะเป็นบาปอย่างหนัก

3. สมาธิอักษร



ให้ผู้ปฏิบัติเลือกบทสวดมนต์บทใดบทหนึ่ง เช่น บทพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงฯ ธรรมจักรฯ ยอดพระกัณฑ์ฯ ฯลฯ อ่านให้คล่อง ท่องให้จำ ภาวนาที่ใจสวดให้ชัด ตรงตามอักขระ วรรคตอน จากนั้นใช้ใจเป็นปากกา เขียนบทมนต์ที่ท่องจำในใจ ปริศนาของวิชาสมาธิอักษร “หงส์ทองคู่ ตัวหนึ่งอยู่ ตัวหนึ่งไป”

ประวัติพระอาจารย์มหาสีไพร อาภาธโร

ประวัติพระอาจารย์มหาสีไพร อาภาธโร

เดิมที อาตมาเป็นคนมีโรคมาก เจ็บป่วยมาตั้งแต่เด็ก เข้าโรงพยาบาล ฉีดยา ทานยาตลอด 3 วันดี 4 วันไข้ สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อย่างรุนแรง เลือดกำเดาไหลบ่อยมาก ปวดหัว มีน้ำมูก เป็นหวัดบ่อย เจ็บคอ ท้องอืด ตอนหลังมาเป็นไซนัส มีเนื้องอกปิดรูจมูกทั้ง 2 ข้าง หายใจไม่ออก มีน้ำหนองเน่าที่หัวข้างขวา ไหลออกทางจมูกเหม็นมาก เขย่าหัวครอกแครก เหมือนมะพร้าวแก่ เคยป่วยเป็นโรคบิด โรคไทฟอยด์ขึ้นสมอง เคยเป็นโรคกินอาหารแล้วไม่ย่อย ท้องอืด สำรอกออกมาเป็นฟอง ปวดท้องทรมานมาก เคยเป็นโรคปวดข้อปวดกระดูกอย่างรุนแรง ปวดสุดที่จะบรรยายมาหลายปี เคยอยู่ในถ้ำ ติดเชื้อโรคไรค้างคาว ปวดหัวรุนแรงมากกว่าโรคมาเลเรียหลายเท่า เคยติดเชื้อไข้ป่าตอนเดินธุดงค์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าออกโรงพยาบาลเกือบทุกอาทิตย์ นับรวมโรงพยาบาลแล้วได้ ๑๔ โรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลศิริราช สนามบินกำแพงแสน คริสต์เตียน บางเลน ชัยนาท อินทร์บุรี ค่ายจิระประวัติ ฯลฯ วิภาวดี สมเด็จศรีราชา คลินิกไม่นับ ทางสมุนไพรสารพัดตำรา กัมมัฏฐานวิปัสสนาทำเกือบทุกอย่าง ทำได้เพียงจิตนิ่ง จิตสว่าง จิตสงบ แต่โรคที่เป็นอยู่ไม่หาย รวมเวลาในการรักษา 40 ปี พอดี ที่ทุกข์ทรมาน

จนต้นปี 2549 ได้เข้ารับการปฏิบัติสมาธิที่ศูนย์พลาญข่อย จ.อุบลราชธานี ปฏิบัติเข้าไปใน จิตในจิต หมุนเป็นพายุทอร์นาโดแรงมาก เหวี่ยงแขน เหวี่ยงขา กลิ้ง อาเจียน น้ำมูกน้ำตาไหลออกมา จิตมันเหวี่ยงเข้าไปในอดีตแสดงผลของกรรมเก่าและกรรมใหม่ออกมา เจ็บป่วยตรงไหนไม่สบายตรงไหนแรงเหวี่ยงเข้าไปหมุนตรงนั้น เหวี่ยงตรงนั้นพร้อมทั้งรู้ต้นเหตุที่สร้างกรรมด้วย เหวี่ยงแขนข้างขวาหมุนอย่างแรงจึงไปรู้ต้นเหตุว่า ต้นเหตุที่แขนข้างขวาชา เป็นเพราะอัมพฤกษ์ เพราะกรรมในปัจจุบันชาติ หักก้ามปูเผาปิ้งกิน ต้นเหตุที่อาเจียนเป็นเลือด ท้องอืดสำรอกออกมาเป็นฟอง เพราะกรรมเบื่อยาหนู ต้นเหตุที่ปวดหัวอย่างรุนแรง เพราะว่ากรรมที่ตีหัวหนูตายเป็นพันตัว,ต้นเหตุที่เจ็บคอเดือนละสองสามครั้ง เพราะกรรมตกปลา ปักเบ็ด ต้นเหตุที่เป็นไซนัส เพราะกรรมที่เคยเป็นพระสมัยทวาราวดี ไปทำผิดต่อสีกา ต้นเหตุที่เป็นคนมีโรคมาก เพราะกรรมที่ชอบรังแกเบียดเบียนสัตว์ เกิดมาไม่เคยกลัวบาป คำว่าบาปไม่มีในหัวใจ มีแต่ต้องทำต้องได้

ปฏิบัติอยู่ 22 วัน โรคที่เป็นมา40 ปีหายหมดเลย ไม่ต้องไปโรงพยาบาล จึงมารู้ว่าจิตของเรานี้เป็นหมอที่วิเศษ รักษากายได้ เมื่อหายแล้วก็มาพิจารณาว่า สิ่งที่เราปฏิบัติในครั้งนี้เป็นอะไร จากการพิจารณาแล้วจึงรู้ว่า เป็นวิปัสสนา บูรณาการ กาย เวทนา จิต ธรรม โดยองค์รวมที่เรียกว่ามหาสติปัฏฐาน การปฏิบัติตรงนี้ไม่มีการแยก กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เราสอนกัน ส่วนมากเป็นการสอนแบบแยกส่วน ที่เรียกว่าสติปัฏฐานแยก กาย เวทนา จิต ธรรม เหมือนเราเรียนรู้เครื่องจักรกล แยกชิ้นส่วน เราก็เลยเป็นหุ่นยนต์ไปเลย คนเราไม่ใช่กลไกแต่เป็นองค์รวม สองอย่างนี้ แตกต่างกันค่อนข้างมาก กลไกประกอบไปด้วยชิ้นส่วน แต่องค์รวมนั้นเกิดจากองค์ประกอบ ท่านสามารถแยกชิ้นส่วนออกจากกันได้ไม่มีอะไรตาย ท่านสามารถนำชิ้นส่วนมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่แล้วกลไกลก็เริ่มทำงาน แต่สำหรับองค์รวมนั้น ถ้าท่านเอาองค์ประกอบออกไปมันก็จะตาย ถึงท่านนำมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่ แต่องค์ประกอบนั้นก็ไม่มีชีวิต องค์รวมเป็นหน่วยของชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน

ท่านไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายก็ไม่ใช่ท่าน ท่านเป็นทั้งร่างกายและจิตใจที่ไปด้วยกัน เป็นสองอย่างที่ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำกับร่างกายก็มีผลต่อจิตใจท่านด้วย และอะไรก็ตามที่ทำกับจิตใจท่านก็มีผลกับร่างกายของท่านด้วย ร่างกายและจิตใจจึงเป็นสองอย่างที่อยู่ด้วยกัน

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ในร่างกาย ในความคิด ในจิตวิญญาณ หรือในการรู้ตื่นของท่าน จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในองค์รวมนั้น ท่านจะถูกกระทบจากองค์ประกอบของหน่วยที่มีชีวิต เครื่องจักรเป็นเพียงการรวมตัวของชิ้นส่วน แต่องค์รวมเป็นอะไรบางอย่าง ที่มากไปกว่าผลรวมขององค์ประกอบทั้งหมดของมัน และสิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือจิตวิญญาณของท่านนั่นเอง มันจะแทรกซึมเข้าไปใน “อณูในตัวท่าน” ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะเข้าไปสั่นสะเทือนการดำรงอยู่ของท่านเสมอ การทำสมาธิเพื่อการผ่อนคลายจึงเป็นการเข้าไปเรียนรู้การทำงานของกายและจิต นั่นเอง ผลพลอยได้ก็คือสุขภาพกายและจิตที่ดี โรคภัยไข้เจ็บก็หาย เราปฏิบัติไม่ใช่ไปรักษาโรค แต่ผลที่ได้มันหายจริงๆ
กียรติประวัติ
- เปรียญธรรม 3 ประโยค
- อภิธรรมบัณฑิตเอก
- พระอาจารย์สอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน
- นักธรรมเอก

- ผลงานหนังสือ "สมาธิเพื่อการผ่อนคลาย รักษาสุขภาพกายและจิตโดยองค์รวม"